ทุกคนรู้ว่าสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องใส่ใจดูแล แต่น้อยคนที่จะเริ่มต้นดูแลสุขภาพอย่างดีตั้งแต่อายุยังน้อย เนื่องจากรู้สึกว่าสุขภาพร่างกายแข็งแรงดี ไม่จำเป็นต้องมีการตรวจสุขภาพก็ได้ ป่วยก็ค่อยไปหาหมอ แต่ผลลัพธ์ของการดูแลสุขภาพนั้นมักไปปรากฏอย่างชัดเจนเมื่อเริ่มเข้าสู่วัยกลางคนหรือวัยสูงอายุ ทำให้มีอาการเจ็บป่วยเรื้อรังที่ใช้เวลารักษาค่อนข้างนาน กว่าจะได้ตรวจสุขภาพอย่างจริงจังก็ต่อเมื่อมีอาการป่วยที่ต้องรักษาแบบเข้มข้น

ทำไมคนส่วนใหญ่ไม่ค่อยให้ความสำคัญเรื่องการตรวจสุขภาพ

หลายคนมักหลงลืมการตรวจเช็กสุขภาพ และใช้เวลาสนใจกับเรื่องอื่นในชีวิตมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นการทุ่มเททำงาน และเลือกพักผ่อนคลายเครียดด้วยวิธีการที่ไม่ค่อยดีต่อร่างกาย เช่น การเที่ยวกลางคืน ดื่มแอลกอฮอล์ ทานอาหารที่มีน้ำตาลและไขมันสูง เป็นต้น เป็นการมองเรื่องความสุขระยะสั้นโดยลืมนึกถึงสภาพร่างกายในระยะยาวไป หลายคนมองว่าการดูแลสุขภาพและตรวจสุขภาพนั้นต้องใช้เงินมาก ต้องลงทุนกับอาหารที่ดีต่อสุขภาพในราคาแพง แต่ในความเป็นจริงแล้วมีวิธีการมากมายที่สามารถรักษาสุขภาพได้อย่างดี การตรวจสุขภาพถือเป็นการลงทุนอย่างหนึ่งที่คุ้มค่าในระยะยาว และถ้ามีโอกาสควรตรวจสุขภาพอย่างละเอียดเป็นประจำทุกปี เพื่อเป็นการวางแผนรักษาสุขภาพอย่างตรงจุด

5 ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการตรวจสุขภาพที่ต้องเร่งปรับทัศนคติด่วน

5 ทัศนคติเหล่านี้คือความเข้าใจผิด ๆ เกี่ยวกับการตรวจสุขภาพที่หลายคนยังเชื่ออยู่ แม้แต่คนรุ่นใหม่หลายคนก็ยังมีความเข้าใจผิดเหล่านี้อยู่บ้างไม่มากก็น้อย ประกอบกับสภาพแวดล้อมในปัจจุบันที่ผู้คนต้องใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบ จึงส่งผลให้ความเข้าใจผิดเหล่านี้ยังไม่อาจปรับได้ง่าย ๆ นั่นเอง

1. ทำให้เสียเงินและเวลาโดยไม่จำเป็น

ความเข้าใจผิดอย่างแรกคือ การมองว่าการตรวจเช็กสุขภาพนั้นต้องมีเวลาว่างพอสมควร และต้องใช้เงินไปโดยเปล่าประโยชน์เพราะถึงตรวจไปก็ไม่เจออะไร สภาพร่างกายยังคงแข็งแรงดี ในความเป็นจริงแล้วแม้ว่าร่างกายแข็งแรงก็อาจมีโรคแอบแฝงโดยไม่รู้ตัวได้ ส่วนการใช้เวลาตรวจสุขภาพนั้นไม่ได้นานอย่างที่คิด ถ้ามีเวลาว่างเพียงครึ่งวันก็สามารถไปตรวจพร้อมรับผลได้เลย มีแค่การตรวจบางรายการเท่านั้นที่ต้องรอรับผลภายหลัง ซึ่งมักจะมีบริการโทรแจ้งจากแพทย์และการส่งสมุดผลตรวจประกอบการแจ้งผลอยู่แล้ว

2. กลัวว่าตรวจแล้วจะพบโรคร้ายแรงต่าง ๆ

การตรวจสุขภาพแล้วพบโรคร้ายแรงในระยะเริ่มต้น ยังมีโอกาสรักษาให้หายขาดได้มากกว่าการไปตรวจเจอเมื่อเข้าสู่ระยะร้ายแรงแล้ว ก่อนตรวจสุขภาพให้ลองปรับความคิดดูว่า เป็นการไปตรวจสภาพร่างกาย เพื่อให้มีข้อมูลมาดูแลตัวเองอย่างถูกต้อง และมีโอกาสได้สอบถามแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ไม่ใช่การตรวจเพื่อไปเจอโรคที่ไม่พึงประสงค์ อย่างไรก็ตาม แม้ตรวจพบแต่ถ้าตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมออย่างน้อยปีละครั้ง ก็ช่วยลดโอกาสเสี่ยงที่โรคจะเข้าสู่ระยะร้ายแรงได้อย่างดี

3. ดูแลสุขภาพร่างกายให้ดี ก็เพียงพอแล้ว

ความรู้ด้านสุขศึกษาสอนให้ทุกคนดูแลสุขภาพเบื้องต้นได้ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ และทำจิตใจให้แจ่มใส แต่ในทางปฏิบัติแล้ว ร่างกายแต่ละคนมีปัจจัยที่ทำให้การดูแลสุขภาพแตกต่างกันไป บางคนอาจต้องการชั่วโมงการนอนแค่ 6 ชั่วโมงก็เพียงพอ แต่บางคนต้องนอนให้ได้ 8 ชั่วโมงจึงจะถือว่าพักผ่อนเพียงพอ อาหารที่มีประโยชน์บางอย่างอาจเป็นพิษต่อร่างกายของบางคน เป็นต้น การดูแลสุขภาพจึงไม่ใช่แค่การทำตามหลักการพื้นฐานตัวเองเท่านั้น แต่ต้องเข้าใจร่างกายตัวเองให้มากขึ้นผ่านการตรวจเช็กสุขภาพอย่างสม่ำเสมอด้วย

4. มีสวัสดิการตรวจสุขภาพพื้นฐานอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องตรวจเพิ่ม

กลุ่มคนวัยทำงานส่วนใหญ่จะมีสวัสดิการเพื่อตรวจสุขภาพพื้นฐาน อย่างน้อยก็เป็นการตรวจก่อนเริ่มงาน แต่หลายคนอาจตรวจสุขภาพแค่ครั้งเดียวก่อนเริ่มงานแล้วไม่ได้ตรวจอีกเลย เมื่อไม่พบว่ามีอะไรผิดปกติ ก็คิดว่าไม่จำเป็นต้องตรวจเพิ่มเติม หรือตรวจเป็นประจำทุกปี แต่ถ้าประเมินแล้วว่าไลฟ์สไตล์มีความเสี่ยงต่อโรคบางอย่าง หรือมีอาการเจ็บป่วยบ่อย ๆ โดยไม่ทราบสาเหตุทั้งที่ดูแลตัวเองอย่างดี ควรตรวจสุขภาพเพิ่มเติมเพื่อดูแลสุขภาพอย่างถูกวิธี

5. ตรวจสุขภาพเป็นเรื่องของผู้สูงอายุ

ข้อนี้เป็นหนึ่งในความเข้าใจผิดยอดนิยมของการตรวจสุขภาพ เพราะคนที่เริ่มให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพส่วนใหญ่มักเข้าสู่วัยกลางคนหรือวัยสูงอายุ แล้วเริ่มมีอาการที่รบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน ในความเป็นจริงเรื่องสุขภาพสำคัญสำหรับคนทุกช่วงวัย ยิ่งตรวจสุขภาพแล้วเข้าใจร่างกายตัวเองได้ดีตั้งแต่อายุยังไม่มาก ยิ่งช่วยลดความเสี่ยงโรคต่าง ๆ เมื่อมีอายุมากขึ้น

เมื่อรู้ตัวแล้วว่าตนเองมีความเข้าใจผิดอะไรบ้างเกี่ยวกับการตรวจสุขภาพ ควรหาความรู้เพิ่มเติมเพื่อเลือกแพ็กเกจตรวจสุขภาพต่าง ๆ ที่เหมาะสมกับตนเอง เพราะเมื่อเกิดปัญหาอะไรขึ้นเกี่ยวกับสุขภาพร่างกาย จะทำให้ประสิทธิภาพในการใช้ชีวิตด้านอื่น ๆ ลดลงไปด้วย การรักษาสุขภาพก็เหมือนการใช้ชีวิตด้วยความไม่ประมาท ยิ่งมองในแง่ของการลงทุนเพื่อคุณภาพชีวิตยิ่งดูมีความสำคัญมากขึ้น ดังนั้นควรตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปีเมื่อมีโอกาส